สมฤดี ชัยมงคล พลิกตำนานถ่านหินบ้านปูเปิดฉากพลังงานแห่งอนาคต

สมฤดี ชัยมงคล กับภารกิจคืนความแข็งแกร่งให้บ้านปูยังคงเป็นความท้าทายสำคัญของผู้นำบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานที่ต้องใช้ความเพียรพยายามข้ามผ่านวิกฤตราคาถ่านหินและปัจจัยกระทบรอบด้าน

แทบไม่ต่างจากครั้งก่อนที่ Forbes Thailand เคยนัดพบและสัมภาษณ์ซีอีโอสตรีแถวหน้าของประเทศในการขยับขยายอาณาจักรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยแววตาที่ยังปรากฏชัดถึงความมุ่งมั่นตั้งใจขับเคลื่อนธุรกิจตามพันธสัญญา “พลังบ้านปูสู่พลังงานที่ยั่งยืน”

“คุณชนินท์เริ่มต้นบ้านปูถึงวันนี้ 37 ปี จากบริษัทเหมืองแร่ขนาดเล็กในประเทศจนถึงปัจจุบันมี 10 ประเทศ ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากทั้งคนและวัฒนธรรมองค์กร รวมถึงแผนกลยุทธ์และวิสัยทัศน์ต่างๆ ซึ่งหลังจากที่คุณชนินท์ขึ้นเป็นประธานบริษัท และมอบหมายให้เราเข้ามาเป็นซีอีโอแทน สิ่งที่เรายังยึดมั่นเสมอมา คือ คนของบ้านปู วัฒนธรรมองค์กร และแผนกลยุทธ์ที่จะเดินไปข้างหน้า” สมฤดี ชัยมงคล กล่าวถึงการรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ในปี 2558

“ความท้าทายในช่วงแรกคือการสร้างบ้านปูให้เป็นสถาบันที่มีคนเก่ง คนดี และวัฒนธรรมองค์กร Banpu Heart ที่แข็งแรง รวมถึงการเป็นองค์กรที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี ซึ่งวันนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จมากในการทำให้บ้านปูเป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง”

 

แม้เส้นทางการทำงานของบัณฑิตป้ายแดงจะเริ่มต้นจากตำแหน่งพนักงานต้อนรับ แต่ด้วยบริษัทในช่วงบุกเบิกยังมีขนาดเล็ก สมฤดีจึงได้มีส่วนร่วมในการทำงานแทบทุกส่วนของบริษัท ทั้งยังแสดงฝีมือพิสูจน์ความสามารถพร้อมกับการเติบโตของบ้านปูอย่างต่อเนื่องจนได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้อำนวยการสายอาวุโส-การเงินในปี 2544 และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-การเงินในปี 2549

 

ผลงานบริหารด้านการเงินที่โดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการจัดหาแหล่งทุนให้กับโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในประเทศไทยและโรงไฟฟ้าหงสาในสปป.ลาว โครงการนำบริษัท อินโด ตัมบังรายา เมกา (PT Indo Tambangraya Mega : ITM) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย รวมถึงการเข้าซื้อกิจการของบริษัท Centennial Coal ในประเทศออสเตรเลีย

 

นอกจากนั้น สมฤดียังได้พัฒนางานด้านนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทตั้งแต่ปี 2546 ส่งผลให้บ้านปูได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้นำด้านพลังงานแห่งเอเชียที่โดดเด่นในด้านความโปร่งใสและแนวปฏิบัติทางธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลโดยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนจะได้รับมอบหมายให้นั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

 

“เราอยู่กับบ้านปูที่แรกและที่เดียว ข้อแรกเพราะบ้านปูมีความเปลี่ยนแปลงและการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ของคุณชนินท์ ผู้บริหาร และกรรมการ ข้อที่ 2 เพราะกิจกรรมทุกอย่างที่บ้านปูทำเหมือนเราได้ทำงานเป็นร้อยบริษัท ทำให้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง รวมถึงบ้านปูเน้นการพัฒนาคนด้วยการฝึกอบรมเป็นประจำในทุกระดับ ซึ่งองค์กรที่เต็มไปด้วยโอกาสในการเรียนรู้และการเติบโตพร้อมกับองค์กรคงหาไม่ได้ง่ายๆ ในโลกนี้ และเหตุผลสุดท้ายเป็นความโชคดีที่เราได้ทำงานกับผู้บริหารหรือผู้นำที่มีความสามารถ เช่น คุณชนินท์ ตลอดจนคณะกรรมการบ้านปูหลายท่าน” สมฤดี ชัยมงคล กล่าว

 

จัดทัพพลังงานครบวงจร

 

เมื่อประสบการณ์และความเข้าใจในธุรกิจได้แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธเสริมประสิทธิภาพการบริหารให้กับซีอีโอนำทัพบ้านปูให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องสู่การเป็นบริษัทพลังงานแบบครบวงจรอย่างแท้จริงใน 10 ประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย สปป.ลาว มองโกเลีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม

 

ภายใต้การขับเคลื่อนสร้างการเติบโตใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานและกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน และเดินหน้าต่อยอดสร้างการเติบโตในแต่ละกลุ่มธุรกิจ โดยเริ่มจากธุรกิจแหล่งพลังงาน ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทมีปริมาณการขายถ่านหินในปี 2561 อยู่ที่ 43.1 ล้านตัน โดยเวียดนามถือเป็นตลาดถ่านหินที่มีความสำคัญ ส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนที่ 201 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน บริษัทมุ่งเน้นการพิจารณาลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความเสี่ยงต่ำและดำเนินการผลิตอยู่แล้ว

 

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้เปิดตัวสำนักงานที่แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติ marcellus shale ในมลรัฐ Pennsylvania ประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมเพิ่มการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่อุดมด้วย shale gas และเป็นตลาดใหญ่ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน รวมถึงสอดคล้องกับกลยุทธ์ Greener & Smarter ของบริษัท ซึ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

 

a a

นอกจากนั้น สมฤดียังให้ความสำคัญกับการต่อยอดธุรกิจผลิตพลังงานที่เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจสำคัญของบ้านปู ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,869 เมกะวัตต์เทียบเท่า รวม 28 โครงการ/แห่งแบ่งเป็น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป จำนวน 8 โครงการ/แห่ง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 19 โครงการ/แห่ง โครงการโรงไฟฟ้าพลังงามลมจำนวน 1 โครงการ ซึ่งโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วมีทั้งหมด 17 แห่งกำลังผลิต 2,145 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยมีเป้าหมายขยายกำลังการผลิตให้ได้มากกว่า 4,300 เมกะวัตต์ และต้องมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 20% ภายในปี 2568

ปรับทิศรับเทรนด์โลก

 

ภายใต้ความมุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ด้วยการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดและปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับทิศทางพลังงานโลก และนโยบายของกระทรวงพลังงานเพื่อรองรับยุคดิสรัปชั่น ไม่ว่าจะเป็น decarbonization หรือการทำให้พลังงานสะอาดขึ้น decentralization การส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าภาคประชาชน และ digitalization หรือการปรับธุรกิจให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น ดังเช่นการมุ่งเน้นพัฒนากลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี

 

สมฤดีได้จัดตั้ง บริษัท บ้านปู อินฟิเนอร์จี จำกัด (BPIN) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (solar roof) กำลังการผลิตตามสัดส่วนรวมอยู่ที่ 161 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตจากสัดส่วนการลงทุนใน บริษัท ซันซีป กรุ๊ป จำกัด จำนวน 151 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตจากการดำเนินการติดตั้งเองที่ประเทศไทยในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ภาคการศึกษา สถานีบริการน้ำมัน แฟชั่นเอาท์เล็ท โรงงาน โรงแรม จำนวน 10 เมกะวัตต์

 

ขณะเดียวกันบ้านปู อินฟิเนอร์จียังได้รับการวางเป้าหมายให้สามารถผลิตไฟฟ้าจาก solar roof รวม 300 เมกะวัตต์ ภายในปี 2563 พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานอัจฉริยะ (smart energy) อย่างต่อเนื่อง

สำหรับช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยีพลังงาน รวมถึงก่อตั้งหน่วยงาน Banpu Innovation & Ventures (BIV) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากการวิจัยที่จะต่อยอดให้เกิดการพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ที่รองรับรูปแบบการใช้พลังงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

“ความท้าทายในช่วงแรกคือการสร้างบ้านปูให้เป็นสถาบันที่มีคนเก่ง คนดี และวัฒนธรรมองค์กร Banpu Heart ที่แข็งแรง รวมถึงการเป็นองค์กรที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี ซึ่งวันนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จมากในการทำให้บ้านปูเป็นสถาบันที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าผู้บริหารจะเปลี่ยนกี่ยุคสมัย สถาบันจะยังคงอยู่และมีชื่อเสียงที่ดี แต่ปัจจุบันความท้าทายเป็นเรื่องการเผชิญความเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม จึงเป็นที่มาของทิศทาง กลยุทธ์ และเป้าหมายปี 2020 หรือ 2025 เพื่อให้ก้าวล้ำไปกว่าเทรนด์เหล่านั้น”

 

สมฤดีย้ำถึงการผสานธุรกิจด้านพลังงานทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและรูปแบบใหม่ในโครงสร้างของบ้านปูอย่างครบถ้วน ทั้งการผนึกกำลังระหว่างกันในกลุ่มธุรกิจหลักเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพสร้างความสมดุลและขยายการเติบโตในกลุ่มธุรกิจพลังงานของบ้านปูที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิสัยทัศน์การมุ่งเป็น “ผู้นำด้านพลังงานแห่งเอเชีย ที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และความยั่งยืน”

Sit Amet Volutpat Consequat Mauris Nunc Congue Nisi. At Ultrices Mi Tempus Imperdiet Nulla Malesuada Pellentesque.

Post a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *